DSI เตือนภัย กลโกงแชร์ลูกโซ่!! ตรวจสอบก่อนลงทุนไลน์ @checkdidsi

กรมสอบสวนคดีพิเศษออกเตือนภัยแชร์ลูกโซ่ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุน ในธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง ให้ร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หากสงสัยว่าจะถูกหลอกให้ลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่สามารถสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนการลงทุนได้ที่ไลน์ @checkdidsi

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุน ในธุรกิจรูปแบบต่าง ๆที่อาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ซึ่งนับวันมีแต่จะทวีความรุนแรงสร้างความเดือดร้อน และเป็นภัยต่อสังคมมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิดของกลุ่มมิจฉาชีพในคดีต่าง ๆ พบพฤติกรรมที่กลุ่มผู้กระทำความผิดมักใช้เป็นอุบายในการล่อลวงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ มีการโฆษณาว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น แต่ให้ผลตอบแทนสูง ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันต้นเงิน ลงทุน ผู้กระทำผิดชอบโพสต์แสดงภาพการใช้ชีวิตหรูหรา เช่น โชว์เงินสดจำนวนมาก ๆ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรูราคาแพงหลายคัน และใช้สินค้าแบรนด์แนม อวดอ้างว่ามีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม ดารา นักร้อง นักแสดงเป็นหุ้นส่วนหรือเข้าร่วมลงทุนด้วย

ในบางกรณีอาจมีการจัดฉากอบรม สัมมนา บรรยายให้ความรู้ สร้างภาพแสดงแผนการลงทุนในธุรกิจเป็นร้อยล้าน พันล้านบาท แสดงผลประกอบการที่ได้กำไรดีเกินจริง เพื่อโน้มน้าวให้รีบเร่งตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน แต่ในความเป็นจริง มีการจดทะเบียนธุรกิจเพียงหลักแสนหรือหลักล้านต้นๆ และผลประกอบการไม่มีกำไร หรือมีแต่น้อย หลาย ๆ คดีพบว่า ผู้กระทำผิดมักโน้มน้าว ให้ผู้ลงทุนซึ่งเป็นสมาชิกเก่าไปหาสมาชิกใหม่มาลงทุนเพิ่ม โดยใช้ค่าแนะนำสมาชิกเป็นสิ่งจูงใจ และมักสร้างภาพขยายกิจการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไปยังประเภทธุรกิจที่ต่างกัน เช่น เริ่มต้นจากการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต่อมาอ้างว่ามีผลประกอบการดี จึงขยายกิจการไปทำธุรกิจเสริมความงาม หรือธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดย 4 กลุ่มประเภทธุรกิจที่มิจฉาชีพนิยมนำมาใช้ในการหลอกลวง คือ

1. กลุ่มธุรกิจการรับฝากเงิน หรือการระดมทุน เพื่อนำไปลงทุนในผลิตภัณฑ์อื่นต่อ เช่น กรณีแชร์แม่มณี

เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาฝากกับผู้กระทำความผิด โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 50 ของเงินลงทุนต่อเดือน หรือกรณีแชร์โอดี แคปปิตอล เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนให้ผู้กระทำความผิดนำไปลงทุนทำธุรกิจเครื่องประดับ เสื้อผ้า รถยนต์ หรือรีสอร์ต โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 10 ของเงินลงทุนต่อเดือน เป็นต้น

2. ธุรกิจขายตรง (แอบแฝงแชร์ลูกโซ่) เป็นการใช้รูปแบบการประกอบธุรกิจขายตรงเป็นฉากบังหน้า

ส่วนใหญ่มักอ้างขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ของกินของใช้ต่าง ๆ แต่ความจริงแล้วผู้กระทำความผิดไม่มีผลิตภัณฑ์อยู่จริง หรือเป็นผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพไม่สมราคา เช่น กรณีแชร์น้ำมันหอมระเหย ผู้กระทำความผิดได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าสมัครเป็นสมาชิกตัวแทนจำหน่าย ตะเกียง และน้ำมันหอมระเหย สมาชิก การลงทุน มี 5 ระดับ หลังจากสมัครแล้วสมาชิกเก่าจะต้องหาสมาชิกใหม่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด เพื่อให้ตนเองได้เลื่อนระดับสูงขึ้น ไม่ได้มุ่งเน้นให้สมาชิกนำสินค้าไปจำหน่ายแต่อย่างใด โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 1.6-1.8 ของเงินลงทุน
ต่อเดือน เป็นต้น

3. ธุรกิจพลังงาน หรือผลิตภัณฑ์เกษตร เช่น กรณีแชร์น้ำมันออสซี่ออยล์ เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนในผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และน้ำมันเพื่อการเกษตรราคาถูก โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 2.6 ของเงินลงทุนต่อเดือน

4. ธุรกิจเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) หรือสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น กรณีแชร์ Forex-3D เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนกับผู้ต้องหาเพื่อนำไปเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ อ้างว่ามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและใช้ระบบ AI ในการเก็งกำไรซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน ให้โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 5-6.6 ของเงินลงทุนต่อเดือน หรือกรณีแชร์ พี มายเนอร์ เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนกับผู้ต้องหา เพื่อนำไปเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล USDT, BITCOIN โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 15 ของเงินลงทุนต่อเดือน เป็นต้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชน ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพโดยง่าย ทั้งนี้ หากสงสัยว่าจะถูกหลอกให้ลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่สามารถสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนการลงทุนได้ที่ไลน์ @checkdidsi

Loading