กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ , พ.ต.อ.ชัฎฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก.1 บก.ปคบ. ร่วมแถลงผลจับกุม นายอัจฉริยะ ลิ้มสุวรรณ อายุ 39 ปี และ น.ส.ศศิประภา สำเนียง อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4511- 4512/2566 ลง 30 พ.ย.66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, หลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” โดยจับกุม นายอัจฉริยะ ได้ที่บริเวณหน้าประตูเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ส่วน น.ส.ศศิประภา จับได้บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง สาขารัตนาธิเบศร์ 3 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า จากกรณีมีผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยราย ได้รับความเดือดร้อนจากการซื้อทัวร์ต่างประเทศผ่านเพจเฟซบุ๊ก “อ้วน ผอม จอมเที่ยว” ของ นายอัจฉริยะ กับ น.ส.ศศิประภา สองสามีภรรยา แต่เมื่อถึงกำหนดกลับไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ เนื่องจากทัวร์ล่ม หรือบางรายเดินทางไปแล้ว แต่กลับไม่มีโปรแกรมทัวร์ตามตารางที่แจ้งไว้ขณะเดียวกันผู้เสียหายบางส่วนก็ถูกบังคับให้ออกค่าใช้จ่ายเอง และยังไม่สามารถขอเงินคืนได้ทั้งที่ทางบริษัทเคยยืนยันว่า สามารถขอเงินคืนได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก ก่อนนำเรื่องมาเข้าร้องเรียนกับทางตำรวจ บก.ปคบ.
“หลังจากรับเรื่องได้สั่งตั้งคณะทีมงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา ปัจจุบันมีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 60 ราย จากทั้งหมดจำนวน 400 ราย ยอดมูลค่าความเสียหายขณะนี้อยู่ที่กว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า พฤติกรรมทางคดีคล้ายกับแชร์ลูกโซ่รูปแบบหนึ่ง คือ มีการนำเงินของลูกค้าที่จองซื้อทัวร์ล่วงหน้า มาใช้จัดทัวร์ให้กับลูกค้าปัจจุบัน เหมือนกับการหมุนเงิน”
ทางด้าน พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งสองยังคงให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญา ตอนนี้ทราบว่าในส่วนของ น.ส.ศศิประภา ขณะนี้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาล ขณะที่ นายอัจฉริยะ ทราบว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล อย่างไรก็ตามแม้ผู้ต้องหาจะยังคงยืนกรานปฏิเสธ ก็ไม่ได้หนักใจเพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ทางเจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ได้ ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องในคดีเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ทั้งนี้ มีเหยื่อนับร้อยแห่แจ้งความ ปคบ.เอาผิดผู้บริหารทัวร์อ้วน ผอม อะราวน์ เดอะ เวิลด์ หลอกขายทัวร์ทิพย์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ หลังประกาศเปิดจองทัวร์ท่องเที่ยวหลายประเทศทั่วโลก แต่ยกเลิกการเดินทางโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและไม่คืนเงินแก่ผู้เสียหายที่จ่ายเงินซื้อโปรมแกรมทัวร์ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีลักษณะที่คล้าย ๆ กัน แบบนี้ จากกรณีบริษัทขายตรงอาหารเสริม “ซินแสโชกุน” ที่ลอยแพดาวน์ไลน์หลายร้อยคนกลางสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อมาตำรวจับกุมขบวนการทัวร์ตุ๋น ของซินแสโชกุนและพวก จับกุม คุมขัง ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 ว่า การกระทำของ บจก.เวลท์เอเวอร์ จำเลยที่ 1, น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 2, น.ส.ทัศย์ดาว จำเลยที่ 5 และ นางพารินธรญ์ จำเลยที่ 8 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เฉพาะจำเลยที่ 1-2 ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป ซึ่งการกระทำฐานฉ้อโกงและการนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ให้ลงโทษบทหนักสุดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมฯ จำคุก ซินแสโชกุน จำเลยที่5, 8 คนละ 871 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 4,355 ปี ให้ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 435,500,000 บาท และให้ปรับจำเลยที่ 1-2 รายละ 20,000 ตามความผิด พ.ร.บ.อาหาร จึงรวมโทษปรับบริษัทจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 435,520,000 บาท ส่วนโทษจำคุกจำเลยที่ 2, 5, 8 เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) แล้ว ให้จำคุกจำเลยได้สูงสุดคนละ 20 ปี
