ประเดิมบิ๊กดีล ‘RS –UNILEVER’

จับตา “M&A” กลยุทธ์การตลาดมาแรงแห่งปี’65 “ควบรวม&เข้าซื้อ” เสริมศักยภาพธุรกิจ
ล่าสุดบิ๊กดีล! สะเทือนวงการ “RS Group” ทุ่ม 880 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ “Unilever Life” ครอบครอง ผลิตภัณฑ์พรีเมียม เครือข่ายสมาชิก 150,000 รหัส พร้อมระบบและผู้บริหารมืออาชีพ เตรียมผนึก
เข้ากับ “Entertainmerce” และธุรกิจในเครือ เพิ่มประสิทธิภาพสร้างจุดแข็ง หวังปั้นยอดทะลุ
1,000 ล้าน ขึ้นแท่น TOP 5 ของประเทศภายใน 3 ปี

กลยุทธ์การตลาดที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในทุกวงการธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศขณะนี้ คงหนีไม่พ้น M&A (Mergers & Acquisitions) การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตแรงมากยิ่งขึ้นหลังสถานการณ์โควิด -19 เริ่มคลี่คลาย

โดยเฉพาะการเข้าซื้อกลุ่มธุรกิจที่ตอบโจทย์กับยุค Next Normal หลายบริษัทเลือกกลยุทธ์ M&A ในการขยายธุรกิจเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดที่องค์กรเดิมไม่สามารถทำได้ จากที่ในอดีตหากมีนโยบายจะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ บริษัทต้องลงทุนสร้างเอง ทั้งหมดโดยเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งการสร้างระบบและการสะสมประสบการณ์ลองผิดลองถูกในธุรกิจใหม่

แต่ปัจจุบันธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนสูง การควบรวมธุรกิจหรือการเข้าซื้อกิจการ ถือเป็นการร่นระยะเวลาและต้นทุนต่ำ ทั้งยังได้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ไปส่งเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจเดิมมากขึ้นด้วย คงต้องจับตามองทิศทาง M&A ของไทยที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ปีนี้อาจจะเห็นยักษ์ใหญ่อีกหลายแบรนด์รุกการตลาดแบบ M&A มากขึ้นกว่าปี 2564 ที่เกิดบิ๊กดีลไปแล้วหลายแบรนด์ด้วยกัน

อาทิ กรณีของ SCBX ที่เข้าซื้อ Bitkub Online ในสัดส่วนถึง 51% คิดเป็นมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านบาท, กลุ่ม BTS เข้าลงทุนในกลุ่ม JMART รวมมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท, GULF ลงทุนข้ามธุรกิจเข้าซื้อหุ้น INTUCH 42.25% คิดเป็นมูลค่าลงทุน 4.86 หมื่นล้านบาท , บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ร่วมทุนลุยธุรกิจโปรตีนจากพืชหรือ Plant-based เป็นต้น

ล่าสุด อุตสาหกรรมธุรกิจขายตรง ต้องสั่นสะเทือนกับข่าวRS Group” ที่เข้าซื้อกิจการ Unilever Life” ธุรกิจขายตรงในเครือยักษ์ใหญ่ UNILEVER” เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้เงินลงทุนมากถึง 880 ล้านบาท ที่คาดว่าบิ๊กดีลครั้งนี้จะแล้วเสร็จใน 3-4 เดือน

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ออกมาเปิดเผยว่า
หนึ่งในกลยุทธ์ของ RS Group คือ การลงทุนและเข้าซื้อกิจการในธุรกิจหรือทรัพย์สินที่มีแนวโน้มการเติบโต
เพื่อที่จะขยายระบบธุรกิจของบริษัท ซึ่งการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ Unilever Life มีเป้าหมายที่จะช่วยให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของกิจการเองได้ ผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการค้าของ Entertainmerce และธุรกิจในเครือ RS Group พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางการขายใหม่ด้วย อีกทั้งยังสามารถนำ Popcoin สมาร์ทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์มของ RS Group มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจในทุกมิติ ซึ่งจะส่งผลให้ Ecosystem ของบริษัทขยายใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน

ขณะที่ โรเบิร์ต แคนเดลิ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า 20 ปี ที่ผ่านมา Unilever Life” เข้ามามีบทบาทในตลาดด้วยโมเดลธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ ด้วยนวัตกรรมสินค้า
ที่สร้างสรรค์ บุคลากรที่มีความสามารถ และเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสให้ผู้คนบรรลุความฝันได้ บริษัทมีความภูมิใจทั้งในบุคลากร เครือข่ายสมาชิกและธุรกิจนี้ ขณะนี้ถึงเวลาที่จะเริ่มประวัติศาสตร์หน้าต่อไป ภายใต้การบริหาร ของหุ้นส่วนใหม่ และการนำทีมต่อไปโดยประธานบริหาร Unilever Life สุชาดา ธีรวชิรกุล

การเข้าซื้อกิจการ Unilever Life ในครั้งนี้ของ RS ด้วยเงินลงทุน 880 ล้านบาท ทำให้ RS Group ได้ครอบครองระบบ ผลิตภัณฑ์ ช่องทางจัดจำหน่าย และบุคลากรทั้งหมด อาทิ ทีมผู้บริหารมืออาชีพที่นำโดย สุชาดา ธีรวชิรกุล และพนักงานที่เชี่ยวชาญในธุรกิจขายตรง 3 แบรนด์” ระดับพรีเมียม Beyonde” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ Aviance” ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม I-Fresh” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายในช่องปาก รวมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมากกว่า 40 รายการ ที่สำคัญคือข้อมูลและฐานเครือข่ายสมาชิกมากกว่า 150,000 รหัส

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของอุตสาหกรรมขายตรง มีการคาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยในระดับอย่างน้อย 6-7% ต่อปี ดังนั้น นี่คือการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มมูลค่าสำหรับ RS Group โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขาย Unilever Life ให้มากกว่า 1,000 ล้านบาท และขึ้นแท่นบริษัท TOP 5 ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี

Loading